1. ขายขาดทุนและถือหุ้นคุณภาพดี
นักลงทุนจะพึงพอใจถ้าขายหุ้นแล้วได้กำไร และมักจะถือหุ้นที่ราคาตกโดยมีความหวังว่าราคาจะสูงขึ้นในอนาคต ซึ่งนักลงทุนไม่ทราบว่าหุ้นที่ถืออยู่ถึงเวลาที่ควรขายหรือไม่ และถ้าเลวร้ายสุดๆ อาจจะตกถึงจุดที่เกือบไม่มีค่าก็ได้ แน่นอนที่สุดหลักคิดในการลงทุนในหุ้นที่มีคุณภาพสูงและยอมขายหุ้นที่ไม่ดีออกไปเป็นทฤษฎีที่ถูกต้องแต่ปฏิบัติได้ยาก
2. ไม่ไล่ล่าหรือตามกระแส
การไล่ล่าที่ไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน หรือทำตามแรงสนับสนุนภายนอกต่างๆ อาจทำให้ไม่มีความเชื่อมั่นในตนเอง ขาดสมาธิ - Forex Thaiclub
3. ไม่คิดเล็กคิดน้อย
นักลงทุนระยะยาวไม่ควรตื่นตกใจเมื่อเงินลงทุนมีราคาตลาดต่ำลงในช่วงสั้นๆ ในการลงทุนเราควรมองในภาพรวม มั่นใจในคุณภาพของการลงทุน มากกว่าจะไปวิตกกังวลเกี่ยวกับความผันผวน ความไม่แน่นอนในระยะสั้น
พวกที่เล่นสั้นหรือนักเก็งกำไรจะต้องติดตามตลาดวันต่อวัน นาทีต่อนาที เพื่อหาจังหวะทำกำไร (หรือขาดทุน) ต่างกับนักลงทุนระยะยาวต้องมองที่การเคลื่อนไหวของตลาดในระยะยาว โฟกัสไปที่ภาพรวมของการลงทุนทั้งหมด ให้ความสำคัญในการเรียนรู้การลงทุนด้วยตัวเองโดยใช้เวลาหลายๆ ปี
4. ไม่เน้น P/E Ratio
P/E Ratio เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ใช้ในการตัดสินใจซื้อหรือขาย แต่ในความเป็นจริง P/E Ratio ควรมีการใช้ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์อื่น ๆ ร่วมด้วย การที่หุ้นมี P/E Ratio ต่ำ ไม่ได้แปลว่าหลักทรัพย์นั้นมีมูลค่าต่ำกว่าความเป็นจริง (undervalues) และการที่หุ้นมี P/E Ratio สูง ก็ไม่จำเป็นต้องหมายความว่าหลักทรัพย์นั้นมีราคาสูงเกินปัจจัยพื้นฐานที่ควรจะเป็น (Overvalues)
5. รู้จักธรรมชาติของราคาหุ้น
นักลงทุนที่มีประสบการณ์มานานจะค่อนข้างเข้าใจวัฐจักรของราคาหุ้น ธรรมชาติที่มีความน่าจะเป็น เช่น ธรรมชาติภาวะกระทิง ธรรมชาติภาวะหมี หรือ ภาวะผันผวน(ควรหลีกเลี่ยง) - Forex Thaiclub
6. เลือกและยึดมั่นในกลยุทธ์ของตนเอง
นักลงทุนต่างใช้วิธีการที่แตกต่างกันเพื่อเลือกหุ้นและลงทุนตามเป้าหมาย มีหลายวิธีที่จะประสบความสำเร็จ และกลยุทธ์ในการลงทุนก็มักจะแตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณค้นหาสไตล์การลงทุนของคุณที่พอใจจนพบแล้ว ก็ควรที่จะยึดถือและใช้ให้เกิดความชำนาญ การใช้นโนบายหรือกลยุทธ์ในการลงทุนที่แตกต่างหลากหลาย และเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่น่าที่จะมีประสิทธิภาพที่ดีพอและควรหลีกเลี่ยง
7. มุ่งเน้นอนาคต
ส่วนมากสิ่งที่มีผลต่อการตัดสินใจลงทุนคือข้อมูลหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต แต่ควรตระหนักว่าเราใช้ข้อมูลหรือเหตุการณ์ในอดีตเพื่อเป็นตัวบ่งชี้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตน่าจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ดังนั้นการตัดสินใจบนพื้นฐานและการมองศักยภาพของหลักทรัพย์ในอนาคตสำคัญมากกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต
8. ใช้มุมมองระยะยาว
กำไรระยะสั้นมักเป็นสิ่งดึงดูดสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการทำกำไรจากซื้อขายบ่อยๆ ในระยะสั้นจะไม่มีวันทำได้ แต่ควรทราบว่า Investing (การลงทุน) กับ trading (การซื้อๆ ขายๆ เพื่อเก็งกำไร) มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนในวิธีการ ซึ่งการ trading จะมีความเสี่ยงที่แตกต่างกันสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์ที่เป็นคนละประเภท ดังนั้นหากต้องการทำกำไรในระยะสั้นๆ แบบ trading ก็จะต้องมีทักษะและความสามารถเฉพาะตัวสูง รวมถึงต้องมีเวลาในการติดตามข้อมูลหลักทรัพย์นั้นๆ กับติดตามราคาตลาดตลอดเวลา
9. ใจกว้าง
หลักทรัพย์หรือบริษัทขนาดเล็กอาจมีศักยภาพในการเปลี่ยนเป็นหลักทรัพย์ที่น่าลงทุน และมีผลประกอบการ กับสภาพคล่องที่เทียบเท่าหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ได้ ยกตัวอย่างเช่นในปี 1926 – 2001 หุ้นบริษัทเล็กๆ ในสหรัฐอเมริกามีผลตอบแทนเฉลี่ย 12.27% ในขณะที่หุ้นบริษัทใหญ่ๆ ใน S&P500 มีผลตอบแทนเฉลี่ย10.53% อย่างไรก็ตาม เราไม่แนะนำว่าคุณควรปรับพอร์ตการลงทุนทั้งหมดเป็น หุ้นเล็ก
10. ห่วงใยภาษีได้แต่ไม่ต้องวิตก
ถึงแม้ว่าภาษีจะมีความเกี่ยวข้องและสำคัญต่อการลงทุน แต่ควรห่วงใยเรื่องภาษีเป็นอันดับสอง สิ่งที่สำคัญที่สุดในการลงทุนคือเป้าหมายของการลงทุน ซึ่งหมายถึงการเติบโตและความมั่นคงปลอดภัยของเงินลงทุน การที่เราควรพยายามลดจำนวนเงินที่ต้องจ่ายภาษีให้น้อยที่สุดเพื่อเพิ่มผลตอบแทนหลังจ่ายภาษีให้มากที่สุดเป็นสิ่งที่ดีมากๆ แต่สถานการณ์หรือการตัดสินใจในการลงทุนจะยากขึ้นถ้าคุณต้องพิจารณาในเรื่องภาษีเหนือสิ่งอื่นใด
เคล็ดลับ 10 ประการนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับนักลงทุนระยะยาว ทั้งในเรื่องหลักการและภาพรวม อย่างไรก็ตาม กฏเกณฑ์ใดๆ ย่อมมีข้อยกเว้นได้เสมอ และที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดก็คือ การลงทุนที่ดีไม่ใช่ การพนัน
CR : money.th.msn.com / นำเสนอข้อมูลและเรียบเรียงโดย stock-fx.com
จำนวนผู้ออนไลน์ขณะนี้
